𝟵 คำศัพท์เทคนิคที่ควรรู้เกี่ยวกับออสซิลโลสโคป
3 ปีที่ผ่านมา
𝟵 คำศัพท์เทคนิคที่ควรรู้เกี่ยวกับออสซิลโลสโคป
𝟭.𝗖𝗵𝗮𝗻𝗻𝗲𝗹𝘀 (𝗖𝗛)
𝗖𝗵𝗮𝗻𝗻𝗲𝗹𝘀 (𝗖𝗛)
ช่องสัญญาณ ซึ่งสำหรับออสซิลโลสโคปแล้วคือช่องรับสัญญาณอินพุตเพื่อนำไปแสดงเป็นรูปสัญญาณบนหน้าจอ ออสซิลโลสโคปแต่ละเครื่องจะมีจำนวน Channels แตกต่างกันไป เช่น 2 CH, 4 CH, 8 CH เป็นต้น ประโยชน์ของการมีช่องสัญญาณหลายๆ ช่องคือ เราจะสามารถเปรียบเทียบสัญญาณที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันจากหลายๆ อินพุตได้พร้อมๆ กัน
𝟮.𝗕𝗮𝗻𝗱𝘄𝗶𝗱𝘁𝗵(𝗕𝗪)
𝗕𝗮𝗻𝗱𝘄𝗶𝗱𝘁𝗵(𝗕𝗪)
จะมีหน่วยเป็นความถี่ (Hz) ซึ่งคือค่าของความถี่ ที่สัญญาณอินพุตถูกลดทอน Amplitude ลงไป -3dB หรือเหลือเพียง 70.7% จากสัญญาณจริง เนื่องจากภาคอินพุตของออสซิลโลสโคปจะมีลักษณะคล้ายกับวงจร Low Pass Filter ซึ่งส่งผลทำให้สัญญาณที่แสดงบนหน้าจอผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เพราะช่วงความถี่สูงถูกลดทอนลงไป โดยจะเห็นภาพได้ชัดเจนในกรณีที่สัญญาณอินพุตเป็นสัญญาณ Square Wave เพราะองค์ประกอบของสัญญาณ Square Wave ประกอบไปด้วยความถี่ที่หลากหลาย ดังนั้นการมีค่า Bandwidth ที่สูงกว่า การลดทอนหรือความผิดเพี้ยนของรูปสัญญาณก็จะน้อยกว่า
**พูดถึง Bandwidth แล้ว จะไม่พูดถึงSampling Rate ก็คงไม่ได้
𝗦𝗮𝗺𝗽𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗥𝗮𝘁𝗲 เป็นศัพท์ที่ใช้สำหรับดิจิตอลออสซิลโลสโคป เนื่องจากดิจิตอลออสซิลโลสโคปจำเป็นจะต้องแปลงสัญญาณจริงที่เป็นสัญญาณอนาล็อกให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลดิจิตอล โดยใช้การสุ่มสัญญาณหรือที่เรียกว่าการ Sampling ส่วน Sampling Rate ก็คืออัตราการสุ่มสัญญาณว่าถี่แค่ไหน มีหน่วยเป็น Sampling ต่อวินาที หรือ Sa/s โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ระดับ GSa/s (พันล้าน Sampling ต่อวินาที) หรือ MSa/s (ล้าน Sampling ต่อวินาที) โดยจะระบุเป็นค่าสูงสุดที่เครื่องนั้นๆ ทำได้ ยิ่ง Sampling Rate มีค่าสูงก็จะทำให้สามารถแสดงรูปสัญญาณบนหน้าจอได้ใกล้เคียงกับสัญญาณจริงได้มากขึ้น
𝟯.𝗧𝗿𝗶𝗴𝗴𝗲𝗿
𝗧𝗿𝗶𝗴𝗴𝗲𝗿
การทำให้รูปสัญญาณสามารถอยู่นิ่งบนหน้าจอออสซิลโลสโคปเพื่อทำการวิเคราะห์รูปสัญญาณ โดยอาศัยการมีคาบสัญญาณในลักษณะเดียวกันซ้ำๆ (Periodic Signal) ของสัญญาณออินพุต โดยออสซิลโลสโคปจะทำการจับสัญญาณ (Capturing) ในตำแหน่งเดิมของรูปสัญญาณแต่ละคาบ เช่น ขอบขาขึ้นหรือขอบขาลงของสัญญาณ ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยๆ ในการ Trigger แบบ Edge Trigger นอกจากนี้แล้วยังมีการ Trigger ในรูปแบบอื่นๆ อีก ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการตรวจจับสัญญาณที่เราต้องการ เช่น กำหนดความกว้างของสัญญาณพัลส์ (Pulse Width Trigger), กำหนดรูปแบบของสัญญาณ (Pattern Trigger) เป็นต้น
𝟰.𝗩𝗼𝗹𝘁𝘀/𝗗𝗜𝗩
𝗩𝗼𝗹𝘁𝘀/𝗗𝗜𝗩
ค่า Amplitude ต่อช่อง Grid โดยที่ DIV มาจากคำว่า Division หมายถึงช่อง Grid ที่ปรากฏบนจอออสซิลโลสโคป ซึ่งจำนวนช่อง Grid จะมีจำนวนคงที่ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงค่า Amplitude ต่อช่อง Grid ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อขนาดของการแสดงรูปสัญญาณบนหน้าจอ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถปรับการแสดงรูปสัญญาณบนหน้าจอออสซิลโลสโคปได้เหมาะสมกับ Amplitude ของสัญญาณอินพุตที่เข้ามา เพื่อทำให้สามารถวิเคราะห์สัญญาณได้อย่างถูกต้อง
𝟱.𝗧𝗶𝗺𝗲/𝗗𝗜𝗩
𝗧𝗶𝗺𝗲/𝗗𝗜𝗩
จะคล้ายๆ กับ Volts/DIV แต่จะเป็นค่าคาบเวลาต่อช่อง Grid โดยทั่วไปจะเป็นค่าบนแกนนอนของออสซิลโลสโคป เราสามารถเปลี่ยนแปลงค่าคาบเวลาต่อช่อง Grid ได้เช่นกัน โดยจะส่งผลต่อจำนวนคาบสัญญาณที่แสดงบนหน้าจอ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถปรับการแสดงรูปสัญญาณบนหน้าจอออสซิลโลสโคปได้เหมาะสมกับความถี่ของสัญญาณอินพุตที่เข้ามา
𝟲.𝗔𝗖/𝗗𝗖 𝗖𝗼𝘂𝗽𝗹𝗶𝗻𝗴
𝗔𝗖/𝗗𝗖 𝗖𝗼𝘂𝗽𝗹𝗶𝗻𝗴
ในกรณีที่สัญญาณอินพุตมีสัญญาณ DC offset รวมกับสัญญาณที่ต้องการวัด เช่น Ripple ในสัญญาณแรงดันเอาต์พุตจาก Power Supply เราสามารถที่จะเลือกตัดสัญญาณ DC offset ออกเพื่อที่จะเลือกวิเคราะห์เฉพาะส่วนที่เป็น Ripple ของสัญญาณอินพุตได้ โดยทำการเปลี่ยนโหมด Coupling จาก DC เป็น AC ซึ่งออสซิลโลสโคปจะนำสัญญาณอินพุตไปผ่านตัวเก็บประจุก่อน ทำให้มีเพียงสัญญาณ AC เท่านั้นที่ผ่านเข้ามาได้ สัญญาณ DC offset ก็จะถูกตัดออกไป
𝟳.𝗦𝗶𝗻𝗴𝗹𝗲 𝗦𝗲𝗾𝘂𝗲𝗻𝗰𝗲
𝗦𝗶𝗻𝗴𝗹𝗲 𝗦𝗲𝗾𝘂𝗲𝗻𝗰𝗲
หากต้องการวัดสัญญาณขณะเริ่มต้นเปิดสวิตช์หรือเริ่มชาร์จตัวเก็บประจุ เราจะไม่สามารถเห็นสัญญาณ ณ เวลานั้นๆ ได้ในโหมดการทำงานปกติของออสซิลโลสโคป โหมด Single Sequence จะสามารถช่วยให้เราหยุดสัญญาณบนหน้าจอไว้ ณ เวลาที่เริ่มต้นจ่ายอินพุตสัญญาณเข้าไปได้ โดยกดปุ่ม Single Sequence ออสซิลโลสโคปจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมด Single Sequence Capturing เพื่อรอจนกระทั่งมีสัญญาณอินพุตเข้ามาตามโหมด Trigger ที่ตั้งไว้ จากนั้นจะหยุดการรับสัญญาณอินพุตทันที (เข้าสู่โหมด Stop) เราสามารถนำสัญญาณที่แสดงผลค้างอยู่บนหน้าจอไปทำการวิเคราะห์ต่อได้
𝟴.𝗙𝗮𝘀𝘁 𝗙𝗼𝘂𝗿𝗶𝗲𝗿 𝗧𝗿𝗮𝗻𝘀𝗳𝗼𝗿𝗺(𝗙𝗙𝗧)
𝗙𝗮𝘀𝘁 𝗙𝗼𝘂𝗿𝗶𝗲𝗿 𝗧𝗿𝗮𝗻𝘀𝗳𝗼𝗿𝗺(𝗙𝗙𝗧)
ซึ่งเป็นกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแปลงโดเมนของข้อมูลสัญญาณจากแกนเวลา (Time-domain) เป็นแกนความถี่ (Frequency-domain) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถของออสซิลโลสโคปให้สามารถวิเคราะห์สเปกตรัมความถี่ของสัญญาณอินพุตได้ คล้ายๆ กับ Spectrum Analyzer
𝟵.𝗣𝗿𝗼𝗯𝗲 𝗔𝘁𝘁𝗲𝗻𝘂𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻
𝗣𝗿𝗼𝗯𝗲 𝗔𝘁𝘁𝗲𝗻𝘂𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻
คือความสามารถของ Probe ในการลดทอน Amplitude ของสัญญาณอินพุตให้มีค่าน้อยลง เช่น X10 คือ ลดลง 10 เท่า จากสัญญาณอินพุต 10V ก็จะเหลือ 1V สิ่งนี้ทำให้เราสามารถวัดสัญญาณที่มี Amplitude สูงๆ ได้โดยไม่กระทบกับข้อจำกัดของภาคอินพุตของออสซิลโลสโคป ประโยชน์อีกอย่างของ Probe Attenuation คือการเพิ่มความต้านทาน (Resistance) และลดค่าความจุ (Capacitance) ของ Probe ทำให้ Bandwidth ของ Probe มีค่าสูงที่สุดขณะทำการวัดอีกด้วย
𝟭.𝗖𝗵𝗮𝗻𝗻𝗲𝗹𝘀 (𝗖𝗛)
𝗖𝗵𝗮𝗻𝗻𝗲𝗹𝘀 (𝗖𝗛)
ช่องสัญญาณ ซึ่งสำหรับออสซิลโลสโคปแล้วคือช่องรับสัญญาณอินพุตเพื่อนำไปแสดงเป็นรูปสัญญาณบนหน้าจอ ออสซิลโลสโคปแต่ละเครื่องจะมีจำนวน Channels แตกต่างกันไป เช่น 2 CH, 4 CH, 8 CH เป็นต้น ประโยชน์ของการมีช่องสัญญาณหลายๆ ช่องคือ เราจะสามารถเปรียบเทียบสัญญาณที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันจากหลายๆ อินพุตได้พร้อมๆ กัน
𝟮.𝗕𝗮𝗻𝗱𝘄𝗶𝗱𝘁𝗵(𝗕𝗪)
𝗕𝗮𝗻𝗱𝘄𝗶𝗱𝘁𝗵(𝗕𝗪)
จะมีหน่วยเป็นความถี่ (Hz) ซึ่งคือค่าของความถี่ ที่สัญญาณอินพุตถูกลดทอน Amplitude ลงไป -3dB หรือเหลือเพียง 70.7% จากสัญญาณจริง เนื่องจากภาคอินพุตของออสซิลโลสโคปจะมีลักษณะคล้ายกับวงจร Low Pass Filter ซึ่งส่งผลทำให้สัญญาณที่แสดงบนหน้าจอผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เพราะช่วงความถี่สูงถูกลดทอนลงไป โดยจะเห็นภาพได้ชัดเจนในกรณีที่สัญญาณอินพุตเป็นสัญญาณ Square Wave เพราะองค์ประกอบของสัญญาณ Square Wave ประกอบไปด้วยความถี่ที่หลากหลาย ดังนั้นการมีค่า Bandwidth ที่สูงกว่า การลดทอนหรือความผิดเพี้ยนของรูปสัญญาณก็จะน้อยกว่า
**พูดถึง Bandwidth แล้ว จะไม่พูดถึงSampling Rate ก็คงไม่ได้
𝗦𝗮𝗺𝗽𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗥𝗮𝘁𝗲 เป็นศัพท์ที่ใช้สำหรับดิจิตอลออสซิลโลสโคป เนื่องจากดิจิตอลออสซิลโลสโคปจำเป็นจะต้องแปลงสัญญาณจริงที่เป็นสัญญาณอนาล็อกให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลดิจิตอล โดยใช้การสุ่มสัญญาณหรือที่เรียกว่าการ Sampling ส่วน Sampling Rate ก็คืออัตราการสุ่มสัญญาณว่าถี่แค่ไหน มีหน่วยเป็น Sampling ต่อวินาที หรือ Sa/s โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ระดับ GSa/s (พันล้าน Sampling ต่อวินาที) หรือ MSa/s (ล้าน Sampling ต่อวินาที) โดยจะระบุเป็นค่าสูงสุดที่เครื่องนั้นๆ ทำได้ ยิ่ง Sampling Rate มีค่าสูงก็จะทำให้สามารถแสดงรูปสัญญาณบนหน้าจอได้ใกล้เคียงกับสัญญาณจริงได้มากขึ้น
𝟯.𝗧𝗿𝗶𝗴𝗴𝗲𝗿
𝗧𝗿𝗶𝗴𝗴𝗲𝗿
การทำให้รูปสัญญาณสามารถอยู่นิ่งบนหน้าจอออสซิลโลสโคปเพื่อทำการวิเคราะห์รูปสัญญาณ โดยอาศัยการมีคาบสัญญาณในลักษณะเดียวกันซ้ำๆ (Periodic Signal) ของสัญญาณออินพุต โดยออสซิลโลสโคปจะทำการจับสัญญาณ (Capturing) ในตำแหน่งเดิมของรูปสัญญาณแต่ละคาบ เช่น ขอบขาขึ้นหรือขอบขาลงของสัญญาณ ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยๆ ในการ Trigger แบบ Edge Trigger นอกจากนี้แล้วยังมีการ Trigger ในรูปแบบอื่นๆ อีก ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการตรวจจับสัญญาณที่เราต้องการ เช่น กำหนดความกว้างของสัญญาณพัลส์ (Pulse Width Trigger), กำหนดรูปแบบของสัญญาณ (Pattern Trigger) เป็นต้น
𝟰.𝗩𝗼𝗹𝘁𝘀/𝗗𝗜𝗩
𝗩𝗼𝗹𝘁𝘀/𝗗𝗜𝗩
ค่า Amplitude ต่อช่อง Grid โดยที่ DIV มาจากคำว่า Division หมายถึงช่อง Grid ที่ปรากฏบนจอออสซิลโลสโคป ซึ่งจำนวนช่อง Grid จะมีจำนวนคงที่ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงค่า Amplitude ต่อช่อง Grid ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อขนาดของการแสดงรูปสัญญาณบนหน้าจอ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถปรับการแสดงรูปสัญญาณบนหน้าจอออสซิลโลสโคปได้เหมาะสมกับ Amplitude ของสัญญาณอินพุตที่เข้ามา เพื่อทำให้สามารถวิเคราะห์สัญญาณได้อย่างถูกต้อง
𝟱.𝗧𝗶𝗺𝗲/𝗗𝗜𝗩
𝗧𝗶𝗺𝗲/𝗗𝗜𝗩
จะคล้ายๆ กับ Volts/DIV แต่จะเป็นค่าคาบเวลาต่อช่อง Grid โดยทั่วไปจะเป็นค่าบนแกนนอนของออสซิลโลสโคป เราสามารถเปลี่ยนแปลงค่าคาบเวลาต่อช่อง Grid ได้เช่นกัน โดยจะส่งผลต่อจำนวนคาบสัญญาณที่แสดงบนหน้าจอ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถปรับการแสดงรูปสัญญาณบนหน้าจอออสซิลโลสโคปได้เหมาะสมกับความถี่ของสัญญาณอินพุตที่เข้ามา
𝟲.𝗔𝗖/𝗗𝗖 𝗖𝗼𝘂𝗽𝗹𝗶𝗻𝗴
𝗔𝗖/𝗗𝗖 𝗖𝗼𝘂𝗽𝗹𝗶𝗻𝗴
ในกรณีที่สัญญาณอินพุตมีสัญญาณ DC offset รวมกับสัญญาณที่ต้องการวัด เช่น Ripple ในสัญญาณแรงดันเอาต์พุตจาก Power Supply เราสามารถที่จะเลือกตัดสัญญาณ DC offset ออกเพื่อที่จะเลือกวิเคราะห์เฉพาะส่วนที่เป็น Ripple ของสัญญาณอินพุตได้ โดยทำการเปลี่ยนโหมด Coupling จาก DC เป็น AC ซึ่งออสซิลโลสโคปจะนำสัญญาณอินพุตไปผ่านตัวเก็บประจุก่อน ทำให้มีเพียงสัญญาณ AC เท่านั้นที่ผ่านเข้ามาได้ สัญญาณ DC offset ก็จะถูกตัดออกไป
𝟳.𝗦𝗶𝗻𝗴𝗹𝗲 𝗦𝗲𝗾𝘂𝗲𝗻𝗰𝗲
𝗦𝗶𝗻𝗴𝗹𝗲 𝗦𝗲𝗾𝘂𝗲𝗻𝗰𝗲
หากต้องการวัดสัญญาณขณะเริ่มต้นเปิดสวิตช์หรือเริ่มชาร์จตัวเก็บประจุ เราจะไม่สามารถเห็นสัญญาณ ณ เวลานั้นๆ ได้ในโหมดการทำงานปกติของออสซิลโลสโคป โหมด Single Sequence จะสามารถช่วยให้เราหยุดสัญญาณบนหน้าจอไว้ ณ เวลาที่เริ่มต้นจ่ายอินพุตสัญญาณเข้าไปได้ โดยกดปุ่ม Single Sequence ออสซิลโลสโคปจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมด Single Sequence Capturing เพื่อรอจนกระทั่งมีสัญญาณอินพุตเข้ามาตามโหมด Trigger ที่ตั้งไว้ จากนั้นจะหยุดการรับสัญญาณอินพุตทันที (เข้าสู่โหมด Stop) เราสามารถนำสัญญาณที่แสดงผลค้างอยู่บนหน้าจอไปทำการวิเคราะห์ต่อได้
𝟴.𝗙𝗮𝘀𝘁 𝗙𝗼𝘂𝗿𝗶𝗲𝗿 𝗧𝗿𝗮𝗻𝘀𝗳𝗼𝗿𝗺(𝗙𝗙𝗧)
𝗙𝗮𝘀𝘁 𝗙𝗼𝘂𝗿𝗶𝗲𝗿 𝗧𝗿𝗮𝗻𝘀𝗳𝗼𝗿𝗺(𝗙𝗙𝗧)
ซึ่งเป็นกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแปลงโดเมนของข้อมูลสัญญาณจากแกนเวลา (Time-domain) เป็นแกนความถี่ (Frequency-domain) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถของออสซิลโลสโคปให้สามารถวิเคราะห์สเปกตรัมความถี่ของสัญญาณอินพุตได้ คล้ายๆ กับ Spectrum Analyzer
𝟵.𝗣𝗿𝗼𝗯𝗲 𝗔𝘁𝘁𝗲𝗻𝘂𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻
𝗣𝗿𝗼𝗯𝗲 𝗔𝘁𝘁𝗲𝗻𝘂𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻
คือความสามารถของ Probe ในการลดทอน Amplitude ของสัญญาณอินพุตให้มีค่าน้อยลง เช่น X10 คือ ลดลง 10 เท่า จากสัญญาณอินพุต 10V ก็จะเหลือ 1V สิ่งนี้ทำให้เราสามารถวัดสัญญาณที่มี Amplitude สูงๆ ได้โดยไม่กระทบกับข้อจำกัดของภาคอินพุตของออสซิลโลสโคป ประโยชน์อีกอย่างของ Probe Attenuation คือการเพิ่มความต้านทาน (Resistance) และลดค่าความจุ (Capacitance) ของ Probe ทำให้ Bandwidth ของ Probe มีค่าสูงที่สุดขณะทำการวัดอีกด้วย
Hantek Thailand
สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ
ธ.กสิกรไทย
Hantek Thailand
"ตัวแทนจำหน่าย ปลีก-ส่ง สินค้า Hantek ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ"
"ตัวแทนจำหน่าย ปลีก-ส่ง สินค้า Hantek ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ"
Mobile : 085-488-5511 Office : 02-591-5244
Line ID: @hantekthailand E-mail : hantekthailand@gmail.com
▲
▼
รายการสั่งซื้อของฉัน
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
Hantek Thailand
Hantek Thailand ตัวแทนแต่งตั้งจำหน่ายปลีก-ส่ง สินค้า Hantek ประเทศไทยอย่างเป็นทางการพร้อมบริการให้คำแนะนำในการเลือกใช้สินค้า Hantek ทุกรายการ ราคาประหยัด อาทิ ออสซิลโลสโคป (OSCILLOSCOPE) สโคป, เครื่องวัด เป็นต้นสินค้าทุกชิ้นรับประกัน 3 ปีมากที่สุดในไทย ให้คำแนะนำโดยทีมวิศวกรมืออาชีพ Contact Us: Office : 02-591-5244 Mobile : 085-488-5511 Line official : @hantekthailand E-mail : hantekthailand@gmail.com
เบอร์โทร : 085-488-5511
อีเมล : hantekthailand@gmail.com
อีเมล : hantekthailand@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
ค้นหาสินค้าในร้านนี้
ค้นหาสินค้า
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้
↑
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม